Author Topic: ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014  (Read 14919 times)

0 Members และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

jinnawat

  • Layer 1
  • *
  • Posts: 11
  • จิตพิสัย +0/-0
    • Email
ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014
« on: 14 กุมภาพันธ์ , 2014, 01:11:35 am »
ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014

ก็ขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ก็มีความคิดขึ้นมาว่า อยากจะลองสอบ CCIE ดูสักครั้งนึงในชีวิต
ก็เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบ ลอง Search หาข้อมูลไปเรื่อย ก็เจอเว็บ certcollection.org
แล้วก็มาเจอเว็บนี้ ก็เริ่มไล่อ่านกระทู้ไปเรื่อย เก็บเกี่ยวข้อมูลว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ต้องอ่านอะไร

พอถึงต้นปี 2013 ก็วางแผนว่าคงจะสอบตอนปลายปี 2013 ก็เริ่มเตรียมตัว โดยการดู Video ของ INE ชุด Advanced Technology Class 4.5
ดูจนเสียงตา Brian หลอนเข้าไปในสมอง ในระหว่างนี้ก็ทำ Lab ใน INE Workbook Vol.I ไปด้วย ซึ่งมันจะสอดคล้องกับเนื้อหาใน Video ซึ่งมันจะช่วยปูพื้นฐานให้เรา สำหรับ Video และ Workbook ชุดนี้

จากนั้นประมาณเดือน กรกฎาคม ก็เตรียมตัวสอบ Written ก็ไม่มีอะไรมาก ก็อ่านๆๆๆ แล้วก็ไปสอบ

หลังจากสอบ Written เสร็จก็กลับมาทำ Lab ของ  INE  Workbook Vol.I ต่อ และก็ดู Video ไปด้วยติดตรงไหนก็ไปถามอากู๋ ชีวิตช่วงนี้ดูเรียบง่าย ทำ Lab ก็ไม่ค่อยจะกระเตื้อง
พอถึงเดือน กันยายน ก็เริ่มรู้สึก เอ๊ะ!!! เราชิวเกินไปไหมนี่ ถ้าอ่านด้วย Speed ขนาดนี้แล้วดู Video จนหมด ดูแววแล้วจะไม่ทันแน่ เป็นเพราะว่าเราอ่านคนเดียวด้วย ตอนนี้ Version 5.0 ก็เริ่มลือหนักขึ้นว่ามาแน่ปลายปีนี้
ก็เลยเริ่มหาเพื่อนร่วมชะตาในเว็บนี้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากๆเลยสำหรับการสอบ CCIE สำหรับการจับกลุ่มกันอ่านหนังสือ จับกลุ่มกันทำ Lab เพราะมันจะทำให้เรา Active ขึ้นอย่างมาก

พอถึงเดือนตุลาคมก็เริ่มคิดว่า เห้ยไม่ทันแล้ว!!! ต้องทำ K Lab แล้ว ทั้งๆที่ยังทำ Workbook Vol.I ยังไม่จบ ก็เริ่มทำ K Lab (ตอนผมสอบ มี K6,K6++,K7,K8 หลังผมสอบเสร็จ 4 วัน ก็มี K7++,K8++ โผล่มา ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้รอดมาอย่างหวุดหวิด)
โดยการทำ K Lab ครั้งแรกของแต่ละ Lab ผมใช้เวลาทำประมาณ Lab ละ 3 สัปดาห์ โดยทำวันละประมาณ 4-6 ชม.
โดยในการทำครั้งแรก ผมจะทำความเข้าใจกับโจทก์ว่าต้องการอะไร ทำไม Solution ถึงต้องทำแบบนี้ ทำแบบอื่นได้ไหม ถ้าเปลี่ยน Config แล้วจะเป็นยังไง ช่วงนี้พยายามสงสัยเยอะๆ แล้วก็หาข้อมูลจาก Google หรือไม่ก็กลับไปดู Video

และแล้วววววว ประมาณปลายเดือน พฤศจิกายน Cisco ก็ประกาศ Version 5.0 ออกมา วันรุ่งขึ้น ผมรีบไปจอง Lab และรีบไปจ่ายเงินเลยครับ ก็จองป็นช่วงกลางเดือน มกราคม
เอาแล้วไง มีเวลาเดือนครึ่ง K Lab ยังไม่จบ TS ยังไม่ได้แตะ มีแววจะไม่รอด T_T

พอช่วงต้นเดือนธันวาคมผมก็ทำ K Lab เสร็จทั้งหมด ต่อไปก็เริ่มซ้ำ ทุก Lab สำหรับ Trick ของผมคือ ผมจะซ้ำ Lab ที่ใช้เวลานานที่สุด หลายๆรอบ เพื่อที่จะให้เรามีความชำนาญ ทำให้เรามี Speed สูงขึ้น (K8 = 12 รอบ เพราะนานสุดแล้วสำหรับ Lab นี้ รองลงมาก็ K7 = 6 รอบ , K6++ , K6)
โชคดีที่ช่วงนี้มีวันหยุดเยอะทำให้สามารถทำ Lab ได้อย่างเต็มที่

ช่วงนั้นในกลุ่มผมก็สอบผ่านมา 1 คน (คุณ nextccie) ก็เลยนัดมา Brief กัน แล้วก็แนะนำว่าใน certcollection.org มี Group Study ให้ลองขอเข้า Group ดู

พอถึงช่วงวันหยุดปีใหม่ ผมก็เริ่มทำ TS ช่วงนั้นเครียดมาก เพราะกลัวจะไม่ทัน และตอนนั้น คนตก TS เยอะมาก โดยเฉพาะ TS5 (ตอนผมสอบมี TS5,MSDP,MPLS)
พอเริ่มลองทำ TS ครั้งแรกโดยยังไม่เปิดดูเฉลย ก็เริ่มเห็นฝันร้ายลางๆ เพราะว่า Ticket นึงล่อไป 2-3 ชั่วโมง เริ่มเครียดมาก เวลาสอบก็ใกล้เข้ามาเรื่อย
แล้ว Solution ก็ยังไม่นิ่งอีก ช่วงนี้ขอเข้า Group Study ใน certcollection.org ได้พอดี เป็นกลุ่มใน Skype จากหลายๆประเทศ
การเข้ากลุ่มใน Skype นี้ทำให้ได้ความรู้ขึ้นอย่างมาก มีการนัดกันทำ TS กัน ใครติดตรงไหนก็ช่วยกันดู โดยใช้ Teamviewer กัน ผมได้ Trick จากการเข้ากลุ่มนี้อย่างมาก
บางครั้งผมติด Ticket ไหนเขาก็จะเข้ามาดู แล้วก็ช่วยแก้ แล้วก็อธิบาย แล้วก็หาข้อมูลด้วยกัน หรือ บางครั้งเขาติดตรงไหน ผมก็ไปช่วยเขาแก้ ซึ่งมันทำให้ได้ความรู้ขึ้นอย่างมาก ได้เห็น Trick ของแต่ละคน
ซึ่งบางทีเป็น Trick ใหม่ๆที่เรายังไม่รู้

พอถึงเดือนมกราคม
ช่วงเวลานี้ผมแบ่งเวลาโดยการทำ TS ในช่วงกลางวันระหว่างทำงาน
และทำ K Lab ช่วงกลางคืน โดยตอนนี้ ผมเริ่มทำ K Lab โดยเริ่มจับเวลาให้เสร็จภายใน 5 ชั่วโมง หรือเร็วกว่านั้น
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เครียดที่สุดแล้ว ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ว่างคือทำ Lab Lab Lab และ Lab ต้องทำความเข้าใจกับครอบครัว และเพื่อนฝูงให้ดี



และแล้วววว ก็ถึงวันเดินทางไปสอบ ผมจองตั๋วของ Delta Airline ไว้ครับ เพราะบินตรงและถูกสุด 555+ ประมาณ 18,000 บาท
ก็ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ 5.40 ไปถึง นาริตะ 13.00 จากนั้นก็นั่งรถไฟ NEX ไปที่สถานีโตเกียว แล้วก็ต่อรถไฟใต้ดินไปสถานี Roppongi

ผมจองห้องพักไว้ที่ โรงแรม The B Roppongi ค่าโรงแรมตกคืนละ 3,700 บาทครับ สำหรับห้องนอนคนเดียว ถ้าไปสองคนหารกันจะประหยัดกว่านะครับ เพราะ ราคาพอๆกันเลยสำหรับห้องนอนคนเดียวและห้องสองคน
สำหรับสภาพห้องก็เป็นแบบนี้ครับ



หน้าต่างห้องมองเห็นถ้ำเสืออีกต่างหาก คืนนี้เราจะนอนมองดูถ้ำเสือทั้งคืน 555+




วันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงแรม ลองไปดูสถานที่สอบว่าอยู่ตรงไหน ก็เดินไปที่ตึก Tokyo Midtown มันมี 3 ตึก เดินไปตรงตึกที่สูงที่สุด หนาวมากกกกกกก ลมตีหน้าทีชาาาาาาาา
เดินเข้าไปในตึกแล้วเดินไปทางซ้าย ก็จะเจอลิฟท์ ซึ่งมีประตูกั้นอยู่ ซึ่งตรงนี้ต้องใช้บัตรในการเปิดประตู เราก็เนียนๆ ตอนที่พนักงานในตึกเขามาทำงาน แล้วก็เดินตามเข้าไป กดไปชั้น 21 โลดดดดด





หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระซะ จิตใจจะได้สงบ ผมนั่งรถไฟไปไหว้พระที่ วัด Asakusa ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดี ว่าอยากโดน TS อะไร K Lab อะไร 555+
กลับมาก็นั่งทำ TS ต่อนิดหน่อย แปลกใจมากที่คืนนี้ผมสามารถนอนหลับได้โดยไม่กังวล อาจเป็นเพราะว่า ปลงแล้ว ว่าตกแน่ เพราะว่าเข้าไปดูใน certcollection.org ก็มีแต่คนตก TS5 กันเป็นว่าเล่น เลยปลงๆๆๆ

และแล้วก็ถึงวันที่ยากจะลืม
วันสอบตอนเช้าก็ตื่นมาประมาณ 6.30 อาบน้ำ แล้วก็ออกจากโรงแรม ไปถึงชั้น 21 ประมาณ 8.00 ก็มีกลุ่มเพื่อนร่วมชะตากรรม มานั่งรออยู่แล้วประมาณ 3-4 คน



พอ 8.30 ตาเจมส์ ก็เดินลงมา แล้วก็เรียกพวกเรามา มาตรวจชื่อ กับ Passport แล้วตาเจมส์ ก็จะพาเราผ่านไปยังชั้น 37 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Lab แล้วก็เริ่ม Brief โดยกลุ่มผมมีสอบ R&S 4 คน , Voice 2 คน , Sec 1 คน
โดยผมเจอพี่คนไทยมาสอบ Voice หนึ่งคน ไม่รู้อยู่ในห้องนี้ไหม ก็ทักทายกัน ตาเจมส์ก็เริ่ม Brief แกจะอธิบายว่าตู้น้ำไปหยิบได้นะ เอาเข้าไปได้ แต่ห้ามเอาออกมาเด็ดขาด (มีน้ำเปล่ากับน้ำชาให้หยิบฟรีแล้วก็มีเครื่องทำกาแฟ แต่ถ้าพวกน้ำอื่นๆ ก็เตรียมเงินไปหยอดได้) แล้วก็อธิบาย ห้องน้ำไปยังไงและต้องออกไปทีละคนเท่านั้น
แล้วเรียกแต่ละกลุ่มเข้าไป Brief โดยละเอียดอีกทีโดยเรียก Sec เข้าไปก่อน แล้วก็ Voice
แล้วก็ถึงคิวพวกผม แกก็จะอธิบายว่า หน้าตา Lab เป็นยังไง คลิ้กดูคำถามยังไง ดู Diagram ยังไง บลาๆๆๆ แล้วก็ให้แยกย้ายกันเริ่มทำได้ กว่าจะได้เริ่ม 9.30

พอ Login เสร็จ ก็อธิษฐานเลยครับ อยากได้อะไร (ผมได้ MSDP โชคดีมากๆ) หลังจากนั้น ก็จะเจอหน้า TS เลยครับ มีเวลา 2 ชั่วโมง พอเริ่มลงมือทำเท่านั้นแหละครับใจเริ่มเสีย เพราะว่า IOU ของจริง มันช้ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พิมพ์ไป Delay มากมาย
ในใจก็คิดว่าถ้าส่วน Config ถ้ามันช้าแบบนี้นะ ไม่ทันแน่นอน
ผมใช้เวลาในการทำ TS 1 ชั่วโมง 10 นาที หลังจากนั้นก็ตรวจทานทุกข้อ ตรวจซ้ำแล้วซ้ำอีก จนครบ 2 ชั่วโมง

หลังจากนั้นก็ก็ถึงส่วน Config ผมได้ K8 เหงื่อเริ่มตก เพราะมันเป็น Lab ที่แสนจะถึก และ ยาวนาน ในวันสอบจริงสมองของผมล้าาา  และก็ความเร็วจะลดลงอย่างมาก
เริ่มทำในส่วนของ Config โดยพยายามจะทำ Layer 2 ก่อนเที่ยง แต่ยังไม่ทันเสร็จ ตาเจมส์ก็เรียกให้ออกไปกินข้าว ณ บัดนาว อย่าช้า!!!
ออกมาก็มีอาหารชุดเบนโตะสุดหรูราคากว่า 40,000 บาทรออยู่ 555+ ผมกินไปน้ำตาจะไหล หิวก็หิวนะ แต่มันกลืนไม่ค่อยจะลง ก็พยายามฝืนๆกิน แต่ก็กินไม่หมด กลัวกินอิ่มมากแล้วจะง่วง
มีเวลากิน 20 นาที หลังจากกินเสร็จ ตาเจมส์ก็จะบอกว่า Lab วันนี้เริ่มตอนกี่โมง แล้วหมดเวลากี่โมง แล้วก็ไล่เข้าห้องไปทำต่อ ตอนนั้นสมองล้ามาก แต่ก็คิดว่า เดินมาถึงตรงนี้แล้วต้องทำให้ทันให้ได้
อยากกลับไปใช้ชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง อยากไปเที่ยว และอื่นๆ ฟุ้งซ่านมากมาย ช่วงที่ทำก็ตรวจทานเป็นระยะๆ ด้วยนะครับ แล้วก็ Write บ่อยๆ และผมก็ทำเสร็จ ก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  ตรวจสอบแล้ว จัดการ Write แล้ว Reload เลยครับ
หลังจาก Reload ก็มานั่งทวนทุกข้อใหม่ และผมก็เจอข้อผิดพลาดที่ผมพิมพ์ผิด ก็แก้ๆๆๆ พยายามตรวจทุกข้อนะครับ เพราะมีโอกาสที่เราจะพิมพ์ผิด ทำไปเรื่อยๆ ตาเจมส์ก็บอกจะหมดเวลาแล้วนะ Write ได้แล้ว
แล้วก็หมดเวลา แกก็พาออกมาจากห้องแล้วก้บอกว่าผลสอบจะแจ้งตอนพรุ่งนี้เช้า หาาาาาาาาาา นานจังฟะ ไม่เชื่อหรอก เห็นคนอื่นบอก ไม่เกิน สี่ชั่วโมงก็ออกแล้ว

กลับมาโรงแรม มานั่งคิดทบทวน ที่ทำไป ฟุ้งซ่านอีก แล้วก็หาอะไรกิน แล้วก็นอน ก็นอนไม่หลับ เช็คเมล์ทุก 15 นาที 4 ทุ่มก็ยังไม่มา 5 ทุ่มก็ยังไม่มา ตีหนึ่งก็ยังไม่มา เห้ยยยยยยยย อะไรฟะ
เผลอหลับไปตื่นมา 6.00 มันก็ยังไม่มาอะไรฟะ ตรวจนานจัง ก็นอนต่อ สะดุ้งตื่นตอน 7.30 เพราะมีเมล์เด้งขึ้นมา ว่าให้เข้าไปดูผลสอบซะ ก็ Login เข้าไปดู ก็รอโหลดดด หัวใจแทบหยุดเต้น

พอเห็น Pass เท่านั้นแหละครับ เหมือนยกภูเขาออกจากอก มันโล่งมาก เหมือนยืนอยู่บนยอดเขา ชีวิตปกติสุขจะกลับมาแล้ววววว มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริงๆครับ
หลังจากนั้นก็เริ่มมีแรงขึ้นมาเลยครับ อาบน้ำออกไปเที่ยววววว อย่างสบายใจ


จบแล้ววววว



สำหรับ TS นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำความเข้าใจกับ Topology แล้วก็ Config ของมันให้หมด
อย่าท่องจำ Fault ว่าอยู่ตรงไหนไปเด็ดขาด เพราะว่ามันเปลี่ยนที่ได้
ถ้าเราเข้าใจ เราจะสามารถหา Fault ได้ไม่ว่ามันจะอยู่ตรงไหน
ใน Group ของ Skype ที่ผมอยู่นั้นจะมีการวาง Fault ใหม่ๆ แล้วทำเป็น Lab มาให้ Import ลงใน WEB-IOU ให้ได้ลองเล่นกัน ซึ่งบาง Fault ในข้อสอบจริงๆมันไม่มีหรอก แต่มันทำให้เราเข้าใจ Flow ของแต่ละ Ticket

สำหรับ Config Lab นั้นต้องเข้าใจด้วยนะครับ อย่าท่องไปอย่างเดียวเพราะถ้าเราพิมพ์ผิด หรือลืมอะไรไป เรายังจะสามารถหาได้ว่าเราลืมพิมพ์อะไรไป และข้อสำคัญอีกอย่าง ควรจะต้องซ้อมกับอุปกรณ์จริงด้วยนะครับ
ถามว่า IOU เพียงพอไหม? ก็อาจจะเพียงพอครับ แต่มันจะทำให้ Speed ในการ Config ในส่วนของ Layer 2 นั้น ลดลงอย่างมาก

ท้ายนี้ก็ขออวยพรให้คนที่กำลังไปสอบ สอบผ่านกันทุกคนนะครับ เพราะไม่มี Seat ให้แก้ตัวแล้วสำหรับ Version 4.0
หากใครมีข้อสงสัยประการใด ก็สอบถามได้เลยนะครับ ยินดีให้คำตอบที่ตอบได้นะครับ









« Last Edit: 15 กุมภาพันธ์ , 2014, 03:27:08 pm by jinnawat »

ReFeeL

  • Head Master
  • Layer 4
  • *
  • Posts: 484
  • จิตพิสัย +9/-0
    • Email
Re: ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014
« Reply #1 on: 14 กุมภาพันธ์ , 2014, 05:15:00 pm »
ยินดีด้วยครับ ผม 13 May 2014  [onion79]

nett

  • Layer 1
  • *
  • Posts: 3
  • จิตพิสัย +0/-0
Re: ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014
« Reply #2 on: 15 กุมภาพันธ์ , 2014, 12:13:57 am »
ยินดีด้วยจริงๆ จะขอเข้าไป join กลุ่ม skype ที่คุณ jinnawat อยู่ได้หรือไม่

mallet

  • Layer 1
  • *
  • Posts: 3
  • จิตพิสัย +0/-0
Re: ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014
« Reply #3 on: 21 กุมภาพันธ์ , 2014, 11:50:35 pm »
ยินดีด้วยครับขอ join กลุ่มด้วยได้ไหมครับผมสอบ 20 May 2014

nextccie

  • Layer 1
  • *
  • Posts: 14
  • จิตพิสัย +0/-0
Re: ส่งท้าย CCIE R&S Version 4.0 @Tokyo , Jan 2014
« Reply #4 on: 24 กุมภาพันธ์ , 2014, 03:00:32 pm »
สำหรับกลุ่ม sky ต้องเข้าไปดูในเว็ปที่ j บอกคับ แล้วก็ส่ง request ไปยัง admin พวกเราแอ๊ดกันเองไม่ได้อะคับ คุณ J อธิบายได้ชัดฟุดๆ โดยเฉพาะตอนเปิดดูผลสอบนะ อ๊ากกกกก เกือบจะช๊อคไปเบยยยย อิอิ [onion25]